✒ สบู่:
⦾ เราใช้สบู่ในการชำระล้างร่างกายในทุกวัน ยิ่งปัจจุบันนี้เชื้อโรคและโรคภัยเกิดใหม่อย่างรวดเร็ว การทำความสะอาดนั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก เราจึงควรศึกษาและรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกใช้ ประเภท คุณสมบัติ และความแตกต่างกันอย่างไร เราจะมาจำแนกตามลักษณะ สบู่ออกเป็น 2 ประเภท คือ สบู่ก้อน และสบู่เหลว โดยยังแบ่งย่อยออกไปอีกด้วยการผลิต เป็น สบู่ออกแกนิค สบู่สกัดจากธรรมชาติ และสบู่สังเคราะห์
สบู่ก้อน | สบู่เหลว |
สบู่ (Soap)
สบู่ก้อน แบ่งย่อยออกเป็น 2 แบบ
1.) สบู่ก้อนธรรมชาติ เราจะแบ่งย่อยออกไปอีกเป็น 2 แบบ คือ สบู่ออแกนิค และสบู่สกัดจากธรรมชาติ เนื่องจากการผลิตที่แตกต่างกันเล็กน้อย โดยยังคงมีการใช้สารเคมีภัณฑ์และสารสกัดจากสมุนไพร พืชธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้มากจากธรรมชาติ 100% แต่เป็นสารสกัดและสารเคมีระดับเครื่องสำอางค์ ซึ่งไม่ส่งผลเสียหรือเป็นอันตรายต่อผิวกาย
1.2) สบู่สกัดจากธรรมชาติ : ผลิตจากไขมันพืชหรือไขมันสัตว์ กับ น้ำด่างโซดาไฟหรือโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) เรียกว่า กระบวนการเกิดสบู่ (Saponification) ได้ผลผลิตเป็นสบู่หรือกลีเซอรีน (Glycerin) การแต่งสีอาจเลือกใช้สีจากวัถุดิบธรรมชาติหรือสีสังเคราะห์อย่างสีผสมอาหาร สีที่ใช้ในเครื่องสำอางค์ แต่งเติมคุณสมบัติอาจเลือกสารสกัดสังเคราะห์ หรือสารสกัดจากธรรมชาติ และการแต่งกลิ่นอาจเลือกน้ำหอมสังเคราะห์ (fragrance) หรือน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) ซึ่งเหตุนี้จึงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสบู่จากธรรมชาติได้ 100% เพราะยังคงมีการผลิตด้วยสารสกัดและสารเคมีภัณฑ์อยู่ จึงควรเรียกว่า สบู่สกัดจากธรรมชาติ นั้นหมายถึงว่า กระบวกการผลิตยังคงเลือกสรร คัดคุณสมบัติ สารสกัดจากธรรมชาติและสารเคมีภัณฑ์ในระดับเครื่องสำอางค์ ที่ปลอดภัย รูปร่างของสบู่เรียบเนียนสวยงาม รูปทรงทำได้หลายรูปแบบ แต่งสีสันได้หลากหลาย ฟองระดับกลางถึงมาก กลิ่นหอมเลือกได้มากกว่า
- สบู่แบบกวนเย็น (Cold Process Soap) : กระบวนการนี้เป็นการผสมทำให้เกิดปฎิกิริยากันแล้ว หลังเทสบู่ลงแม่พิมพ์ จะต้องบ่มสบู่ต่ออีกประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ เพื่อให้ความเป็นด่านที่มีค่าสูงลดลงจนค่าด่างหายไปทั้งหมดไม่หลงเหลือตกค้างอยู่ในเนื้อสบู่ เทคนิคนี้เนื้อสบู่จะเรียบเนียนและแข็งกว่าแบบกวนร้อน สามารถปรับแต่งรูปทรง รูปร่างได้ง่าย และสร้างสรรค์สวดลายที่สวยงามได้หลากหลายกว่า
- สบู่แบบกวนร้อน (Hot Process Soap) : กระบวกการนี้เป็นการใช้ความร้อนเร่งปฎิกิริยากันทำให้สามารถใช้สบู่ได้ทันทีหลังจากเทสบู่ลงแม่พิมพ์ แค่ 3 ชั่วโมง หรือ 24 - 48 ชั่วโมง เทคนิคนี้เนื้อสบู่จะไม่เรียบเนียนนักและมีความแข๊งน้อยกว่าแบบกวนเย็น ไม่สามารถสร้างสรรค์ลวดลายได้มากนัก แต่ใช้เวลาบ่มสบู่สั้นกว่า
ดังนั้นทุกครั้งควรอ่านส่วนประกอบบนฉลากผลิตภัณฑ์ ส้งเกตุบนฉลากของสบู่ ถึงแม้จะมีรายการวัถุดิบไม่มากหรือไม่ละเอียดมากนัก แต่ทุกรายการจะระบุด้วยชื่อสากลทางเครื่องสำอางค์ (International nomenclature for cosmetic ingredients) ย่อว่า INCI Name ตามด้วยระเบียบ อย. ซึ่งเป็นการบอกส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์
2.) สบู่สังเคราะห์ แบ่งย่อยออกเป็น 2 แบบ คือ สบู่กลีเซอรีสำเร็จรูปหรือสบู่หลอมเท และสบู่โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการผลิตแบบจำนวนเยอะๆ รวดเร็ว แปรรูปง่าย สะดวก
2.1) สบู่กลีเซอรีสำเร็จรูป หรือสบู่หลอมเท (Melt and Pour) : เป็นการทำสบู่ที่ง่ายที่สุดและเป็นที่นิยมกันมาก และยังเป็นสบู่ที่ส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าเป็นสบู่ธรรมชาติ หรือมักกล่าวขึ้นเอง ด้วยเพราะได้ผสมสมุนไพรหรือสารสกัดสมุนไพรลงไป รูปลักษณ์ภายนอกของเนื้อสบู่ชนิดนี้มีทั้งแบบใสและแบบขุ่น วิธีการทำคือนำเบสสบู่สำเร็จรูปมาหลอมละลาย แล้วเติมสารสกัดต่างๆที่ต้องการ เติมกลิ่นน้ำหอม แต่งสีสันที่ต้องการลงไป แล้วจากนั้นก็เทลงแบบแม่พิมพ์ที่ต้องการ แต่งลวดลายได้หลากหลาย ออกแบบรูปทรงได้ง่าย และรอให้แข็งขึ้นรูปเป็นก้อนอีกครั้ง
การจะสังเกตุหรือการแยกแยะว่าสบู่นั้นเป็นสบู่สกัดจากธรรมชาติหรือสบู่สังเคราะห์ มักจะทำได้ยากหากมองด้วยตา ยิ่งสบู่นั้นเป็นแบบขุ่น แต่จะทำได้ง่ายหากสบู่นั้นเป็นแบบใส ด้วยการมองผ่านเนื้อสบู่แบบใสแล้วเห็นลายนิ้วมือผ่านหลังก้อนสบู่ได้ นั้นคือสบู่เบสสำเร็จรูปแน่นอน
2.2) สบู่โรงงานอุตสาหกรรม : เป็นสบู่ที่พบมากในท้องตลาด ผลิตได้เป็นจำนวนมาก และราคาไม่แพง สามารถหาซื้อได้ง่าย ขั้นตอนการทำจะผสมไขมันกับด่างด้วยความร้อนในหม้อตุ๋นขนาดใหญ่ระหว่างนั้นจะเกิดปฎิกิริยากระบวนการเกิดกลีเซอรีน หลังจากนั้นเครื่องจักรจะคอยกวาดกลีเซอรีนที่เกิดขึ้นออกจนหมด เพื่อนำไปจำหน่ายหรือใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีราคามากกว่า ส่วนกากที่เหลือจากการถูกกวาดเอากลีเซอรีนออกหมดแล้วจะถูกนำมาอัดเป็นก้องเล็กๆ เรียกว่า Soap chip ซึ่งนำไปใส่เครื่องผสมกับน้ำหอมและอัดออกมาเป็นก้อน กลายเป็นสบู่โรงงานอุตสาหกรรม สบู่เหล่านี้อาจมีการเติม สารเพิ่มฟอง สารชำระล้าง สารกันเสีย สารกันหืน สารสกัดต่างๆ หรือบางครั้งก็อาจเติมสารกลีเซอรีนกลับเข้าไป แล้วจึงนำไปจำหน่ายในราคาที่ไม่แพง รูปทรงสวยงามน่าใช้
เช่นนี้การสังเกตุจากส่วนประกอบบนฉลากมักเป็นชื่อสารเคมี ชื่อของน้ำมันจะไม่อยู่ในรูป Oil แต่มักจะเป็นสารประกอบที่ซับซ้อน พร้อมทั้งมักจะเจอชื่อสารเคมีที่อ่านยากและยาว